10 ละครญี่ปุ่นแห่งปี 2016 ที่ควรหาดูในปีใหม่นี้!

Leave a Comment
เข้าสู่ปี 2017 แล้ว ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีปีใหม่กับเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ สำหรับปีใหม่ปีนี้ ก็มีของขวัญพิเศษมาให้ นั่นก็คือ ละครญี่ปุ่น 10 เรื่อง เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา ที่เราแนะนำให้ทุกคนควรได้ดูสักครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ ใครไม่ได้ดูในปีที่ผ่านมาก็ไม่เป็นไร เอาไว้ดูในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่นี้ก็ได้ 


มาดูกันค่ะว่า 10 อันดับละครญี่ปุ่นที่เขาว่าสนุก ควรค่าแก่การรับชมมีเรื่องอะไรบ้าง โดยขอไล่จากอันดับที่ 10 ไปจนถึงอันดับที่ 1 นะคะ

อันดับที่ 10 : Juhan Shuttai





ขอเริ่มต้นที่ละครแนวอาชีพที่น่าสนใจค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพบรรณาธิการหนังสือมังงะ คุโรซาวะ โคโคโระ (รับบทโดย คุโรกิ ฮารุ) นักกีฬายูโดผู้มีความตั้งใจจะคว้าชัยชนะในโอลิมปิก แต่ฝันก็ต้องพังทลายลง เมื่อเธอได้รับบาดเจ็บ จนไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้ เธอจึงตัดสินใจไปหางานทำ โดยเข้าไปเป็นบรรณาธิการมังงะ ซึ่งเป็นงานที่เธอไม่มีประสบการณ์แม้แต่น้อย แถมยังต้องเข้าไปเจอกับวิกฤตวงการหนังสือที่มียอดพิมพ์ ยอดขายตกต่ำลง แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ขอใช้จิตวิญญาณของนักกีฬายูโดในการต่อสู้ และเรียนรู้จากบ.ก.มือเก๋าจากรุ่นพี่ พาโลกหนังสือให้ฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้

จุดเด่น : ให้ความรู้เรื่องอาชีพบรรณาธิการมังงะได้อย่างละเอียดค่ะ ใครชื่นชอบมังงะ ต้องไม่พลาดเลย 

จุดด้อย : ละครเดินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ คงเป็นเพราะเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือ เลยทำให้ตอนเราดูไม่รู้สึกว่า ตื่นเต้น หรือหักมุมอะไรมากนักค่ะ



อันดับที่ 9 : Totto Terebi



ละครที่สร้างจากชีวิตจริงของ  คุโรยานางิ เท็ตสึโกะ หรือที่เราคุ้นเคยในชื่อว่า "โต๊ะโตะจัง" นักแสดงหญิงคนแรกของช่อง NHK ที่เรียกเสียงหัวเราะและน้ำตาให้ผู้ชมจนถึงยุคปัจจุบัน ในละครเรื่องนี้จะทำให้เราได้รู้ว่า กว่าจะเป็นอย่างวันนี้ได้ เส้นทางไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบเลย


จุดเด่น : เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของเท็ตสึโกะที่น่าติดตามค่ะ


จุดด้อย : ออกแนวเหมือนเป็นสารคดีบุคคลไปนิด แต่โดยรวมก็น่าสนใจค่ะ





อันดับที่ 8 : Damena Watashi ni Koishite Kudasai




เรื่องราวของหญิงสาวที่ไม่เอาไหนอย่าง มิจิโกะ (รับบทโดย เคียวโกะ ฟูคาดะ) หญิงสาววัย 30 ปี ที่ต้องตกงานเพราะบริษัทล้มละลาย และยังถูกแฟนหนุ่มที่อายุน้อยกว่าหลอกเปย์เอาเงิน เรียกได้ว่า เป็นหญิงสาวที่ดวงอับทั้งเรื่องการงาน การเงิน และความรัก แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้มาเจอกับหัวหน้าคนเก่า คุโรซาวะ อายูมุ (รับบทโดย ดีน ฟูจิโอกะ) ที่เธแรู้สึกหวาดกลัว และไม่ชอบขี้หน้ามาโดยตลอดในช่วงที่ทำงานด้วยกัน ตอนนี้อายูมุกำลังจะเปิดร้านอาหารเล็กๆ เป็นของตัวเอง ด้วยความสงสารเลยชวนมิจิโกะมาเป็นลูกน้องที่ร้านด้วย และแล้วความรักระหว่างผู้ชายเพอร์เฟ็คกับผู้หญิงที่ไม่เอาไหนก็ได้เริ่มต้นขึ้น

จุดเด่น : แนวความรักกุ๊กกิ๊กๆ สดใสๆ สไตล์พระ-นางอยู่บ้านเดียวกันค่ะ  พล็อตเป็นเรื่องรักสามเส้านิดๆ ฝ่ายพระเอกก็มีแฟนเก่า แต่พระเอกก็ไปปิ๊งรักกับสาวอีกคน แต่สาวคนนั้นก็ไม่ได้มีใจให้ ส่วนนางเอกของเราจู่ๆ ก็มีหนุ่มคนหนึ่งมาตกหลุมรัก และดูเหมือนเธอเองก็มีใจ แต่กลับหวั่นไหวกลับอายูมุผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะชอบตั้งแต่แรก


จุดด้อย : ออกแนวเป็นความรักจ๋า อาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเรื่องรักกุ๊กกิ๊กค่ะ 




อันดับที่ 7 : Sekai Ichi Muzukashii Koi




อันดับที่ 7 ขอยกให้ละครที่มีชื่อแปลเป็นไทยว่า "ความรักที่ยากที่สุดในโลก" พอดูเนื้อเรื่องแล้วก็เป็นความรักที่ยากจริงๆ ค่ะ เป็นเรื่องราวของ ซาเมะจิมะ เรจิ (รับบทโดย โอโนะ ซาโตชิ) วัย 34 ปี ประธานบริษัทโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จเรื่องการงานมาก แต่กลับผิดหวังเรื่องความรัก อาจเป็นเพราะบุคลิก และนิสัยเอาแต่ใจของเขา เย่อหยิ่ง หัวแข็งของเขา แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ได้ตกหลุมรักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นพนักงานใหม่ของโรงเรียน อายุห่างกันราว 10 ปี หญิงสาวที่ธรรมดา แต่มาทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อคว้ารักครั้งนี้ให้ได้!

จุดเด่น : เป็นละครแนวความรักที่ถือว่ามีความแปลกใหม่ค่ะ ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นละครรักโรแมนติก แต่ความจริงคือละครคอมเมดี้ที่จะมาเรื่องเสียงฮาให้กับคนดูนี่เอง

จุดด้อย : แม้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก แต่ก็ไม่ใช่ละครความรักแนวเทพบุตรสุดหล่อกับหญิงสาวตกถังข้าวสาร ให้ได้จิ้น ได้ฟินขนาดต้องจิกหมอน แต่ก็เป็นความรักอีกแบบที่ดูๆ ไปแล้วจะรู้สึกอบอุ่น และเอาใจช่วยความรักของเจ้าของโรงแรมคนนี้เลยล่ะ 



อันดับที่ 6 : Kaito Yamaneko


เรื่องราวของจอมโจรอัจฉริยะ "ยามาเนโกะ" (รับบทโดยคาเมะ วง KAT-TUN) ที่ไม่เคยมีใครเห็นโฉมหน้าที่แท้จริง เขามักออกไปปล้นเงินคนอื่นไปทั่ว จนเป็นเป้าหมายของตำรวจหลายคน แต่คนที่ยามาเนโกะไปปล้นนั้นมีความไม่ธรรมดา แต่มักจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือนักการเมืองที่คอรัปชั่นบ้านเมือง ดูเหมือนเป็นฮีโร่ในคราบโจร แต่ถึงอย่างนั้นพฤติกรรมของเขาก็ไม่เหมาะสม รวมถึงเขาเองก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเป็นฆาตกรด้วย! เลยตกเป็นเป้าหมายของตำรวจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีตำรวจคนไหนจับตัวเขาเลยสักครั้ง ! เพราะด้วยการวางแผนที่แนบเนียน และสมาชิกฝีมือดีในทีมที่คอยเต็มใจ (?) ช่วยเขาเสมอ

จุดเด่น : ความบู๊ แอคชั่น ความคอมเมดี้ และดราม่าที่ผสมกันอย่างลงตัว มีหักมุมหลอกคนดูเรื่อยๆ

จุดด้อย : อาจมีบางช่วงที่ดูเรื่องราวงงๆ ไปนิดค่ะ 

ป.ล. เป็นผลงานที่น่าประทับใจอีกเรื่องของฮิโรกิค่ะ หลังจากที่ตอนนี้เขาได้ลาออกไปจากวงการบันเทิงไปแล้ว



อันดับที่ 5 : Nietzsche-sensei



เรื่องราวอลวนในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ที่วันดีคืนดีก็มีนักศึกษาหนุ่มจากคณะคณะพุทธศาสตร์ชื่อ โทโมฮารุ นิอิ (รับบทโดย มามิยะ โชทาโร่) เข้ามาสมัครเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ ผู้ที่มีบุคลิกแปลกๆ นิ่งๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา แต่เขานี้แหละ ที่จะมาทำให้เราเข้าใจถึงชีวิตของพนักงานร้านสะดวกซื้อ

จุดเด่น : ความตลก ฮาสุดขีด ของเหล่านักแสดงที่เล่นอย่างไม่กั๊ก เผินๆ อาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ดูแล้วจะขำ และชวนติดตามไปกับเรื่องราวในร้านสะดวกซื้อค่ะ

จุดด้อย : อาจไม่เหมาะกับคนที่อยากดูละครแนวจริงจัง สาระแน่นๆ ค่ะ แต่ถ้าเอาคลายเครียด ขอแนะนำเรื่องนี้เลยจริงๆ 



อันดับที่ 4 : Tamiou 



ละครเรื่องนี้ จริงๆ แล้ว ฉายในปี 2015 ค่ะ แต่จากกระแสตอบรับที่ดี ทำให้มีการสร้างภาพพิเศษขึ้นมาอีกครั้งในปี 2016 เป็นเรื่องราวของลูกชายจอมบื้อกับท่านนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นดันสลับร่างกันโดยไม่รู้สาเหตุ เรื่องราววุ่นๆ และฮาๆ จึงได้เกิดขึ้น พร้อมกับค้นหาความจริงเกี่ยวกับกับสลับร่าง และต้องช่วยเหลือดูแลประเทศชาติไม่ให้ถูกทำร้ายจากคนที่ไม่หวังดี

จุดเด่น : คุณเลขาฯ ไคบาร่าสุดหล่อ เอ๊ย! ไม่ใช่ค่ะ จุดเด่นคือ เรื่องราวสลับร่างสุดชลมุน และความฮา ความรั่วจากเนื้อเรื่องค่ะ คิดดูสิคะ ลูกชายที่บื้อๆ บ๊องๆ ไม่รู้งานผู้นำประเทศ แต่ต้องไปรับบทเป็นนายก แถมคนเป็นพ่อ ก็ต้องมาใช้ชีวิตวัยรุ่น เรื่องราวจะฮาแค่ไหนต้องลองชมเลยค่ะ อีกอย่างผู้แต่งละครเรื่องนี้เป็นคนเดียวกันกับคนที่แต่งเรื่อง Hanzawa Naoki ด้วยนะคะ

จุดด้อย : นักแสดงเล่นใหญ่มาก แต่ก็นั่นแหละค่ะ สิ่งนี้เลยทำให้ฮาเกินไปจนหยุดดูไม่อยู่!



อันดับที่ 3 : Doctor X 




กลับมาอีกครั้งกับไดมอน มิจิโกะ ศัลยแพทย์ผู้ไม่เคยพลาด สำหรับครั้งนี้ก็เป็นภาคที่ 4 แล้ว มีเคสผู้ป่วยอันท้าทายมากมาย มารอให้เธอเข้ามาช่วยเหลือ พร้อมเรื่องราวการเมืองภายในของโรงพยาบาลที่แสนจะวุ่นวาย

จุดเด่น : ก็ยังคงคอนเซ็ปต์การผ่าตัดที่ระทึกใจไว้อยู่ 
จุดด้อย : น่าจะเป็นเรื่องพล็อตเดิมๆ ที่เห็นในเรื่อง ประมาณว่า มีช่วงให้เราตื่นเต้น ระทึก แต่ผลสุดท้ายเจ๊มิจิโกะจะโชว์เหนือขึ้นมา แต่นี่แหละค่ะ คือเสน่ห์ของ Doctor X ของจริง 




อันดับที่ 2 : Watashi wo Hanasanaide




อันดับ 2 ขอยกให้กลับละครดราม่าแบบดาร์กสุดๆ อย่างเรื่อง Watashi wo Hanasanai de ค่ะ เรื่องนี้เคยทำเป็นภาพยนตร์เวอร์ชั่นฝรั่งมาแล้วชื่อว่า Never Let Me Go เรื่องราวของละครเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับโรงเรียนประจำอันไกลโพ้นแห่งหนึ่งที่ไม่มีใครเข้าถึงได้ ที่เด็กๆ แต่ละคนต่างได้รับภารกิจอันสำคัญที่ต้องทำให้สำเร็จ นั่นก็คือ การบริจาคอวัยวะไปจนกว่าตัวเองจะเสียชีวิต! แต่ในระหว่างนั้นก็มีความรักอันบริสุทธิ์ได้เกิดขึ้นระหว่างโทโมะ (รับบทโดย มิอุระ ฮารุมะ) กับ เคียวโกะ  (รับบทโดน อายาเสะ ฮารุกะ) แต่ทั้งคู่ก็ต้องพรากจากกันเพราะมิวะ (รับบทโดย มิซูคาว่า อาซามิ) เพื่อนสนิทของเคียวโกะที่เข้ามาเป็นมือที่สาม แต่สิ่งที่ทุกคนเข้าใจกลับต่างจากที่คิด เพราะคนที่มิวะรักมากที่สุด ไม่ใช่โทโมะที่เธอเข้าไปแย่งมา

จุดเด่น : เป็นเรื่องราวที่ดูแล้วสะเทือนอารมณ์ได้แบบสุดๆ ค่ะ เป็นความรักที่ไม่กุ๊กกิ๊ก แต่เป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นความรักที่แท้จริง ผ่านภารกิจที่พวกเขาต้องเผชิญ และแฝงไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ มากมายที่เสียดสีโลกมนุษย์ที่เราอยู่

จุดด้อย : อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า เรื่องนี้มันค่อนข้างดาร์กค่ะ ดูแล้วอาจรู้สึกหดหู่ได้ 



อันดับที่ 1 : Nigeru wa Haji da ga Yaku ni Tatsu


ละครที่ขอยกให้เป็นละครที่สุดแห่งปี 2016 ขอยกให้กับเรื่องนี้เลยค่ะ "Nigeru wa Haji da ga Yaku ni Tatsu" ละครที่เป็นที่มาของท่าเต้นเพลง Koi สุดฮิตในญี่ปุ่น ส่วนเรื่องราวของละครเรื่องนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้เพลงเลยค่ะ เป็นเรื่องราวของ มิคุริ โมริยามะ (รับบทโดย ยูอิ อารากากิ) หญิงสาวหน้าตาดี มีดีกรีจบปริญญาโท แต่กลับหางานประจำทไม่ได้ เธอก็ได้แต่หางานสัญญาจ้างทำไปเรื่อยๆ แต่พอถึงคราวที่บริษัทต้องเลือกคนที่จะให้อยู่ต่อ เธอกลับเป็นคนที่ถูกเขี่ยทิ้งทุกที เพราะดีกรีปริญญาโทนี่เอง ที่ออกจากงานไป ก็คงหางานใหม่ได้ไม่ยาก 

แต่โลกของความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เธอต้องเดินเตะฝุ่นไปเรื่อย จนกระทั่งพ่อของเธอได้แนะนำงาน "แม่บ้าน" ให้ โดยให้ไปทำที่บ้านของ มิรามาสะ ซึสากิ หนุ่มโปรแกรมเมอร์ ที่เพอร์เฟ็คชันนิสต์สุดๆ และเป็นโสด! จากการทำความสะอาดครั้งแรก ก็ทำให้เขาจ้างเธอต่อทันที ส่วนมิคุริก็ชื่นชอบที่นี้ เพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการยอมรับ แต่ต่อมา ครอบครัวของมิคุริต้องการย้ายบ้านไปอยู่ต่างจังหวัด ด้วยความที่เธอไม่อยากไป และไม่อยากหางานใหม่ เลยคิดแผนวุ่นๆ ขึ้น นั่นก็คือ "แต่งงานแบบสัญญาจ้าง" การแต่งงานปลอมๆ และความรักอันอลเวงก็ได้เริ่มต้นขึ้นค่ะ

จุดเด่น : เรื่องราวความรักแนวคอมเมดี้ผสมความอบอุ่นใจ สไตล์พระ-นางมาอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังเดียวกัน และความลุ้นไปกับความรักปลอมๆ ที่จะเป็นจริงหรือจะเป็นได้แค่เพื่อน ถ้าอยากดูแนวคลายเครียด ขอแนะนำเรื่องนี้อีกเรื่องค่ะ

จุดด้อย : พระเอกไม่หล่อในแรกเห็น แต่ดูไปเรื่อยๆ จะตกหลุมรักเขาแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ และเป็นพระเอกที่เหมาะกับคาแร็กเตอร์ในเรื่องด้วย ที่เป็นชายหนุ่มธรรมดา ไม่ได้ฮอตในกลุ่มสาวๆ สร้างความสมจริงในเรื่องราวความรักในแบบโลกจริงมากขึ้นค่ะ 

และนี่ก็คือ 10 อันดับละครญี่ปุ่นแห่งปี 2016 ที่ Sakura Dramas ขอนำเสนอค่ะ ดูกันไปแล้วกี่เรื่องเอ่ยย ถ้ายังไม่ครบ ต้องรีบตามไปหาดูกันนะ :) 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น