JAPANESE GIRLS NEVER DIE




กำหนดฉาย : 9 มีนาคม  2017 

Haruko Azumi is Missing

ฮารุโกะ อาซุมิ เป็นพนักงานออฟฟิศสาวโสดวัย 27 ปี วันหนึ่งเธอหายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ การหายไปของคนธรรมดาหนึ่งกลับกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา เมื่อมีวัยรุ่นคึกคะนองกลุ่มหนึ่ง พ่นสีใบประกาศคนหายของ ฮารูโกะ ไปทั่วเมือง ก่อให้เกิดเรื่องราววุ่นๆ ตามมาอีกมากมาย
ว่าแต่สุดท้ายแล้ว ฮารูโกะ อาซูมิ หายไปไหน และทำไมเธอจึงหายไป นี่เป็นคำถามที่ต้องไปหาคำตอบเอาเองใน Japanese Girls Never Die

ระดมพลทีมงานหญิงๆ ในหนังเพื่อผู้หญิงสุดแซ่บ

Japanese Girls Never Die สร้างจากนิยายขายดีของนักเขียน มาริโกะ ยามาอูจิ ซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2013 หากสังเกตดีๆ จะพบว่าทีมงานตัวหลักในหนังเรื่องนี้ต่างก็เป็นผู้หญิงแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะ ยามาอูจิ เอง, คนเขียนบท มิซากิ เซโตยาม่า รวมไปถึงโปรดิวเซอร์ โยโกะ เอดามิ ผู้อยู่เบื้องหลังหนังวัยรุ่นเรื่องเยี่ยม The Kirishima Thing และที่ขาดไม่ได้นั่นคือ 2 นำแสดงนำประจำเรื่อง ยู อาโออิ และ มิทซูกิ ทาคาฮาตะ

กำกับโดยดาวรุ่งฝีมือจัดจ้าน

แม้ Japanese Girls Never Die จะรายล้อมไปด้วยทีมงานผู้หญิงคุณภาพ แต่เจ้าของตำแหน่งผู้กำกับนั้นคือชายหนุ่มวัย 31 หมาดๆ นามว่า ไดโกะ มัทสึอิ ผู้กำกับ มือเขียนบท และนักแสดงดาวรุ่งไฟแรงของญี่ปุ่น โดยแนวหนังที่เขาช่ำชองมากๆ คือแนวเยาวชน หรือ Young Adult หนังสีสันหวานแหวว ผลงานเรื่องเด่นของเขาอย่าง Wonderful World End นำแสดงโดย ไอ ฮาชิโมโต้ ได้รับเลือกให้ไปฉายที่เทศกาลหนังชื่อดังทั่วโลก อาทิ Berlin International Film Festival ครั้งที่ 65 และ  San Francisco International Film Festival ครั้งที่ 58 เป็นต้น


3 ช่วงวัยที่กระทบต่อกัน

สำหรับใน Japanese Girls Never Die ไดโกะ มัทสึอิ ยังไม่ทิ้งลาย ยังเล่าเรื่องของวัยรุ่นแซ่บๆ ตามแบบที่เขาถนัดเช่นเคย แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ เขาจะเล่าเรื่องราวของคนในช่วงวัย 20 ปีและ 40 กว่าๆ ไปพร้อมๆ กันด้วย โดยทุกชีวิต ทุกช่วงวัยในหนังต่างมีได้รับผลกระทบจากการกระทำอันบ้าบิ่นของแต่ละคนอย่างไม่รู้ตัว

Timeline อันน่าฉงนของเรื่องราวสุดชุลมุน

ด้วยความที่ Japanese Girls Never Die เล่าเรื่องของตัวละครหลายช่วงอายุวัย และหลายช่วงเวลา ผู้กำกับ ไดโกะ มัทสึอิ จึงตัดสินใจว่าจะเล่าหนังเรื่องนี้โดยตัดสลับเส้นเรื่องของตัวละครแต่ละตัว เหตุผลหลักที่ผู้กำกับไดโกเลือกแบบนี้เพราะเขาอยากสร้างความฉงนงุนงงให้กับตัวหนัง แตกต่างจากในนิยายต้นฉบับของ มาริโกะ ยามาอูจิ ที่ดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง “ผมอยากสร้างหนังที่ไม่เคยมีใครสร้างมาก่อน ผมอยากวาดภาพของญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันให้คนดูได้เห็น และผมก็หวังว่าผมจะทำออกมาได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ครับ”

ผลงานที่ไม่ควรพลาดของนักแสดงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ยู อาโออิ

หากใครเป็นแฟนหนัง/ซีรี่ส์ญี่ปุ่นตัวยง น่าจะจำชื่อและหน้าของนักแสดงสาวหน้าหวานและมากความสามารถอย่าง ยู อาโออิ ได้ดีจากหนังเรื่องเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น Hula Girls, One Million Yen and the Nigamushi Woman และ Hana and Alice (ทั้งเวอร์ชั่นคนแสดงและแอนิเมชั่น) รวมไปถึงซีรี่ส์น้ำดีอย่าง Osen และ Dr.Rintaro 
Japanese Girls Never Die ยังเป็นหนังเรื่องแรกในรอบหลายปีที่ อาโออิ รับบทนำอย่างเต็มตัว หลังจากแอบไปแสดงบทสมทบจอมขโมยซีนมาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Rurouni Kenshin, What A Wonderful Family! และ Patisserie Coin de rue เป็นต้น

เพราะเธอคือยอดฝีมือหน้าสวย

สาเหตุที่ ไดโกะ มัทสึอิ เลือก ยู อาโออิ ซึ่งมีอายุเท่ากันกับเขามารับบทนำใน Japanese Girls Never Die เป็นเพราะว่าหลังจากเคยเจอเธอมาหลายครั้ง เขาหลงเสน่ห์ชอบใบหน้าของเธออย่างมาก เขาคิดว่ามันคงจะดูดีไม่น้อยเวลาได้เห็นหน้าของเธออยู่บนประกาศคนหาย 
ไม่เพียงแค่ชื่นชมใบหน้าของเธอ มัทสึอิ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ยู อาโออิ เป็นนักแสดงที่มีความสามารถในตัวสูง การได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับเธอย่อมเป็นสิ่งที่นักทำหนังทุกคนต้องการ


ผลงานแจ้งเกิด มิตซูกิ ทาคาฮาตะ



นอกจาก ยู อาโออิ แล้วนักแสดงสาวสวยอีกคนที่เตรียมมากระชากใจชายทั้งหลายคือ มิตซูกิ ทาคาฮาตะ นักแสดงสาวที่เพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่กี่ปี และขึ้นแท่นเป็นนักแสดงหญิงที่มาแรงเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่นของปี 2016  โดยมีผลงานที่น่าจดจำคือ Blue Spring Ride ซึ่งสร้างมาจากมังงะชื่อดังชื่อเดียวกัน และหนังวัยรุ่นใสๆ Evergreen Love
เหตุผลที่ ไดโกะ มัทสึอิ เลือกเธอมาประกบกับ อาโออิ นั้น เพราะเขาต้องการนักแสดงที่ฉลาดมากๆ มาถ่ายทอดบทของตัวละครที่ดูไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่อย่าง ไอนะ สาวบ๊องๆ ตัวการแพร่กระขายข่าวการหายไปของ ฮารูโกะ จนกลายเป็นไวรัลกระหึ่มเมือง เธอถือเป็นขั้วตรงข้ามกับ ฮารูโกะ ในแทบทุกด้าน เมื่อเป็นเช่นนั้น การฝากฝังบทนี้ไว้กับคนมีของอย่าง ทาคาฮาตะ จึงเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้หนังออกมาสมบูรณ์แบบ

โชโนะ ฮายามะ หนุ่มน้อยหัวใจยับ จาก The World of Kanako



โชโนะ ฮายามะ รับบทหนุ่มนักเท กลุ่มกราฟฟิตี้ เป็นหนุ่มน้อยที่มักเห็นหัวใจสาว ๆ เป็นของเล่น บท ใน  JAPANESE GIRLS NEVER DIE ถือเป็นก้าวสำคัญด้านการแสดงของ โชโนะ ต่อจาก The World of Kanako

หนังที่นักวิจารณ์ชื่นชม

Japanese Girls Never Die เปิดตัวฉายที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2016 ที่ผ่านมา หลังไปตะลุยฉายในเทศกาลต่างๆ มาก่อนแล้ว อาทิ Tokyo international Film Festival ครั้งที่ 29 โดยนักวิจารณ์หลายสำนักต่างชื่นชมความคิดสร้างสรรค์ของ ไดโกะ มัทสึอิ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยพลังและความบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันหนังยังตั้งคำถามถึงเรื่องความเท่าเทียมที่ผู้หญิงควรได้รับ ทั้งในเรื่องงานและเรื่องเงิน รวมถึงปัญหาครอบครัวอีกด้วย


ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง JAPANESE GIRLS NEVER DIE

เกร็ดเพิ่มเติม 

1. เพลงประกอบสุด "เท่" "The Lost Star" จากวงอินดี้ร็อคหญิงล้วนมาแรงของญี่ปุ่น Chatmonchy 
2. ได้รับเลือกให้ฉายในงาน Tokyo International Film #29 และ 2016 Toronto International 
    Film Festival
3. อนิเมชั่น "สดใหม่" ของ ริว ฮิราโนะ นักวาดอนิเมชั่นมือฉมังวัย 29 ปี

สำหรับใครที่ชอบภาพยนตร์แนวนี้ เตรียมรับชมกันได้ในโรงภาพยนตร์ไทยเลยค่ะ พร้อมลงจอในวันที่ 9 มีนาคมนี้!

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก:
สหมงคลฟิล์ม 
เข้าสู่ปี 2017 แล้ว ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีปีใหม่กับเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ สำหรับปีใหม่ปีนี้ ก็มีของขวัญพิเศษมาให้ นั่นก็คือ ละครญี่ปุ่น 10 เรื่อง เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา ที่เราแนะนำให้ทุกคนควรได้ดูสักครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ ใครไม่ได้ดูในปีที่ผ่านมาก็ไม่เป็นไร เอาไว้ดูในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่นี้ก็ได้ 


มาดูกันค่ะว่า 10 อันดับละครญี่ปุ่นที่เขาว่าสนุก ควรค่าแก่การรับชมมีเรื่องอะไรบ้าง โดยขอไล่จากอันดับที่ 10 ไปจนถึงอันดับที่ 1 นะคะ

อันดับที่ 10 : Juhan Shuttai





ขอเริ่มต้นที่ละครแนวอาชีพที่น่าสนใจค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพบรรณาธิการหนังสือมังงะ คุโรซาวะ โคโคโระ (รับบทโดย คุโรกิ ฮารุ) นักกีฬายูโดผู้มีความตั้งใจจะคว้าชัยชนะในโอลิมปิก แต่ฝันก็ต้องพังทลายลง เมื่อเธอได้รับบาดเจ็บ จนไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้ เธอจึงตัดสินใจไปหางานทำ โดยเข้าไปเป็นบรรณาธิการมังงะ ซึ่งเป็นงานที่เธอไม่มีประสบการณ์แม้แต่น้อย แถมยังต้องเข้าไปเจอกับวิกฤตวงการหนังสือที่มียอดพิมพ์ ยอดขายตกต่ำลง แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ขอใช้จิตวิญญาณของนักกีฬายูโดในการต่อสู้ และเรียนรู้จากบ.ก.มือเก๋าจากรุ่นพี่ พาโลกหนังสือให้ฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้

จุดเด่น : ให้ความรู้เรื่องอาชีพบรรณาธิการมังงะได้อย่างละเอียดค่ะ ใครชื่นชอบมังงะ ต้องไม่พลาดเลย 

จุดด้อย : ละครเดินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ คงเป็นเพราะเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือ เลยทำให้ตอนเราดูไม่รู้สึกว่า ตื่นเต้น หรือหักมุมอะไรมากนักค่ะ



อันดับที่ 9 : Totto Terebi



ละครที่สร้างจากชีวิตจริงของ  คุโรยานางิ เท็ตสึโกะ หรือที่เราคุ้นเคยในชื่อว่า "โต๊ะโตะจัง" นักแสดงหญิงคนแรกของช่อง NHK ที่เรียกเสียงหัวเราะและน้ำตาให้ผู้ชมจนถึงยุคปัจจุบัน ในละครเรื่องนี้จะทำให้เราได้รู้ว่า กว่าจะเป็นอย่างวันนี้ได้ เส้นทางไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบเลย


จุดเด่น : เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของเท็ตสึโกะที่น่าติดตามค่ะ


จุดด้อย : ออกแนวเหมือนเป็นสารคดีบุคคลไปนิด แต่โดยรวมก็น่าสนใจค่ะ





อันดับที่ 8 : Damena Watashi ni Koishite Kudasai




เรื่องราวของหญิงสาวที่ไม่เอาไหนอย่าง มิจิโกะ (รับบทโดย เคียวโกะ ฟูคาดะ) หญิงสาววัย 30 ปี ที่ต้องตกงานเพราะบริษัทล้มละลาย และยังถูกแฟนหนุ่มที่อายุน้อยกว่าหลอกเปย์เอาเงิน เรียกได้ว่า เป็นหญิงสาวที่ดวงอับทั้งเรื่องการงาน การเงิน และความรัก แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้มาเจอกับหัวหน้าคนเก่า คุโรซาวะ อายูมุ (รับบทโดย ดีน ฟูจิโอกะ) ที่เธแรู้สึกหวาดกลัว และไม่ชอบขี้หน้ามาโดยตลอดในช่วงที่ทำงานด้วยกัน ตอนนี้อายูมุกำลังจะเปิดร้านอาหารเล็กๆ เป็นของตัวเอง ด้วยความสงสารเลยชวนมิจิโกะมาเป็นลูกน้องที่ร้านด้วย และแล้วความรักระหว่างผู้ชายเพอร์เฟ็คกับผู้หญิงที่ไม่เอาไหนก็ได้เริ่มต้นขึ้น

จุดเด่น : แนวความรักกุ๊กกิ๊กๆ สดใสๆ สไตล์พระ-นางอยู่บ้านเดียวกันค่ะ  พล็อตเป็นเรื่องรักสามเส้านิดๆ ฝ่ายพระเอกก็มีแฟนเก่า แต่พระเอกก็ไปปิ๊งรักกับสาวอีกคน แต่สาวคนนั้นก็ไม่ได้มีใจให้ ส่วนนางเอกของเราจู่ๆ ก็มีหนุ่มคนหนึ่งมาตกหลุมรัก และดูเหมือนเธอเองก็มีใจ แต่กลับหวั่นไหวกลับอายูมุผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะชอบตั้งแต่แรก


จุดด้อย : ออกแนวเป็นความรักจ๋า อาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเรื่องรักกุ๊กกิ๊กค่ะ 




อันดับที่ 7 : Sekai Ichi Muzukashii Koi




อันดับที่ 7 ขอยกให้ละครที่มีชื่อแปลเป็นไทยว่า "ความรักที่ยากที่สุดในโลก" พอดูเนื้อเรื่องแล้วก็เป็นความรักที่ยากจริงๆ ค่ะ เป็นเรื่องราวของ ซาเมะจิมะ เรจิ (รับบทโดย โอโนะ ซาโตชิ) วัย 34 ปี ประธานบริษัทโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จเรื่องการงานมาก แต่กลับผิดหวังเรื่องความรัก อาจเป็นเพราะบุคลิก และนิสัยเอาแต่ใจของเขา เย่อหยิ่ง หัวแข็งของเขา แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ได้ตกหลุมรักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นพนักงานใหม่ของโรงเรียน อายุห่างกันราว 10 ปี หญิงสาวที่ธรรมดา แต่มาทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อคว้ารักครั้งนี้ให้ได้!

จุดเด่น : เป็นละครแนวความรักที่ถือว่ามีความแปลกใหม่ค่ะ ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นละครรักโรแมนติก แต่ความจริงคือละครคอมเมดี้ที่จะมาเรื่องเสียงฮาให้กับคนดูนี่เอง

จุดด้อย : แม้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก แต่ก็ไม่ใช่ละครความรักแนวเทพบุตรสุดหล่อกับหญิงสาวตกถังข้าวสาร ให้ได้จิ้น ได้ฟินขนาดต้องจิกหมอน แต่ก็เป็นความรักอีกแบบที่ดูๆ ไปแล้วจะรู้สึกอบอุ่น และเอาใจช่วยความรักของเจ้าของโรงแรมคนนี้เลยล่ะ 



อันดับที่ 6 : Kaito Yamaneko


เรื่องราวของจอมโจรอัจฉริยะ "ยามาเนโกะ" (รับบทโดยคาเมะ วง KAT-TUN) ที่ไม่เคยมีใครเห็นโฉมหน้าที่แท้จริง เขามักออกไปปล้นเงินคนอื่นไปทั่ว จนเป็นเป้าหมายของตำรวจหลายคน แต่คนที่ยามาเนโกะไปปล้นนั้นมีความไม่ธรรมดา แต่มักจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือนักการเมืองที่คอรัปชั่นบ้านเมือง ดูเหมือนเป็นฮีโร่ในคราบโจร แต่ถึงอย่างนั้นพฤติกรรมของเขาก็ไม่เหมาะสม รวมถึงเขาเองก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเป็นฆาตกรด้วย! เลยตกเป็นเป้าหมายของตำรวจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีตำรวจคนไหนจับตัวเขาเลยสักครั้ง ! เพราะด้วยการวางแผนที่แนบเนียน และสมาชิกฝีมือดีในทีมที่คอยเต็มใจ (?) ช่วยเขาเสมอ

จุดเด่น : ความบู๊ แอคชั่น ความคอมเมดี้ และดราม่าที่ผสมกันอย่างลงตัว มีหักมุมหลอกคนดูเรื่อยๆ

จุดด้อย : อาจมีบางช่วงที่ดูเรื่องราวงงๆ ไปนิดค่ะ 

ป.ล. เป็นผลงานที่น่าประทับใจอีกเรื่องของฮิโรกิค่ะ หลังจากที่ตอนนี้เขาได้ลาออกไปจากวงการบันเทิงไปแล้ว



อันดับที่ 5 : Nietzsche-sensei



เรื่องราวอลวนในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ที่วันดีคืนดีก็มีนักศึกษาหนุ่มจากคณะคณะพุทธศาสตร์ชื่อ โทโมฮารุ นิอิ (รับบทโดย มามิยะ โชทาโร่) เข้ามาสมัครเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ ผู้ที่มีบุคลิกแปลกๆ นิ่งๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา แต่เขานี้แหละ ที่จะมาทำให้เราเข้าใจถึงชีวิตของพนักงานร้านสะดวกซื้อ

จุดเด่น : ความตลก ฮาสุดขีด ของเหล่านักแสดงที่เล่นอย่างไม่กั๊ก เผินๆ อาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ดูแล้วจะขำ และชวนติดตามไปกับเรื่องราวในร้านสะดวกซื้อค่ะ

จุดด้อย : อาจไม่เหมาะกับคนที่อยากดูละครแนวจริงจัง สาระแน่นๆ ค่ะ แต่ถ้าเอาคลายเครียด ขอแนะนำเรื่องนี้เลยจริงๆ 



อันดับที่ 4 : Tamiou 



ละครเรื่องนี้ จริงๆ แล้ว ฉายในปี 2015 ค่ะ แต่จากกระแสตอบรับที่ดี ทำให้มีการสร้างภาพพิเศษขึ้นมาอีกครั้งในปี 2016 เป็นเรื่องราวของลูกชายจอมบื้อกับท่านนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นดันสลับร่างกันโดยไม่รู้สาเหตุ เรื่องราววุ่นๆ และฮาๆ จึงได้เกิดขึ้น พร้อมกับค้นหาความจริงเกี่ยวกับกับสลับร่าง และต้องช่วยเหลือดูแลประเทศชาติไม่ให้ถูกทำร้ายจากคนที่ไม่หวังดี

จุดเด่น : คุณเลขาฯ ไคบาร่าสุดหล่อ เอ๊ย! ไม่ใช่ค่ะ จุดเด่นคือ เรื่องราวสลับร่างสุดชลมุน และความฮา ความรั่วจากเนื้อเรื่องค่ะ คิดดูสิคะ ลูกชายที่บื้อๆ บ๊องๆ ไม่รู้งานผู้นำประเทศ แต่ต้องไปรับบทเป็นนายก แถมคนเป็นพ่อ ก็ต้องมาใช้ชีวิตวัยรุ่น เรื่องราวจะฮาแค่ไหนต้องลองชมเลยค่ะ อีกอย่างผู้แต่งละครเรื่องนี้เป็นคนเดียวกันกับคนที่แต่งเรื่อง Hanzawa Naoki ด้วยนะคะ

จุดด้อย : นักแสดงเล่นใหญ่มาก แต่ก็นั่นแหละค่ะ สิ่งนี้เลยทำให้ฮาเกินไปจนหยุดดูไม่อยู่!



อันดับที่ 3 : Doctor X 




กลับมาอีกครั้งกับไดมอน มิจิโกะ ศัลยแพทย์ผู้ไม่เคยพลาด สำหรับครั้งนี้ก็เป็นภาคที่ 4 แล้ว มีเคสผู้ป่วยอันท้าทายมากมาย มารอให้เธอเข้ามาช่วยเหลือ พร้อมเรื่องราวการเมืองภายในของโรงพยาบาลที่แสนจะวุ่นวาย

จุดเด่น : ก็ยังคงคอนเซ็ปต์การผ่าตัดที่ระทึกใจไว้อยู่ 
จุดด้อย : น่าจะเป็นเรื่องพล็อตเดิมๆ ที่เห็นในเรื่อง ประมาณว่า มีช่วงให้เราตื่นเต้น ระทึก แต่ผลสุดท้ายเจ๊มิจิโกะจะโชว์เหนือขึ้นมา แต่นี่แหละค่ะ คือเสน่ห์ของ Doctor X ของจริง 




อันดับที่ 2 : Watashi wo Hanasanaide




อันดับ 2 ขอยกให้กลับละครดราม่าแบบดาร์กสุดๆ อย่างเรื่อง Watashi wo Hanasanai de ค่ะ เรื่องนี้เคยทำเป็นภาพยนตร์เวอร์ชั่นฝรั่งมาแล้วชื่อว่า Never Let Me Go เรื่องราวของละครเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับโรงเรียนประจำอันไกลโพ้นแห่งหนึ่งที่ไม่มีใครเข้าถึงได้ ที่เด็กๆ แต่ละคนต่างได้รับภารกิจอันสำคัญที่ต้องทำให้สำเร็จ นั่นก็คือ การบริจาคอวัยวะไปจนกว่าตัวเองจะเสียชีวิต! แต่ในระหว่างนั้นก็มีความรักอันบริสุทธิ์ได้เกิดขึ้นระหว่างโทโมะ (รับบทโดย มิอุระ ฮารุมะ) กับ เคียวโกะ  (รับบทโดน อายาเสะ ฮารุกะ) แต่ทั้งคู่ก็ต้องพรากจากกันเพราะมิวะ (รับบทโดย มิซูคาว่า อาซามิ) เพื่อนสนิทของเคียวโกะที่เข้ามาเป็นมือที่สาม แต่สิ่งที่ทุกคนเข้าใจกลับต่างจากที่คิด เพราะคนที่มิวะรักมากที่สุด ไม่ใช่โทโมะที่เธอเข้าไปแย่งมา

จุดเด่น : เป็นเรื่องราวที่ดูแล้วสะเทือนอารมณ์ได้แบบสุดๆ ค่ะ เป็นความรักที่ไม่กุ๊กกิ๊ก แต่เป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นความรักที่แท้จริง ผ่านภารกิจที่พวกเขาต้องเผชิญ และแฝงไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ มากมายที่เสียดสีโลกมนุษย์ที่เราอยู่

จุดด้อย : อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า เรื่องนี้มันค่อนข้างดาร์กค่ะ ดูแล้วอาจรู้สึกหดหู่ได้ 



อันดับที่ 1 : Nigeru wa Haji da ga Yaku ni Tatsu


ละครที่ขอยกให้เป็นละครที่สุดแห่งปี 2016 ขอยกให้กับเรื่องนี้เลยค่ะ "Nigeru wa Haji da ga Yaku ni Tatsu" ละครที่เป็นที่มาของท่าเต้นเพลง Koi สุดฮิตในญี่ปุ่น ส่วนเรื่องราวของละครเรื่องนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้เพลงเลยค่ะ เป็นเรื่องราวของ มิคุริ โมริยามะ (รับบทโดย ยูอิ อารากากิ) หญิงสาวหน้าตาดี มีดีกรีจบปริญญาโท แต่กลับหางานประจำทไม่ได้ เธอก็ได้แต่หางานสัญญาจ้างทำไปเรื่อยๆ แต่พอถึงคราวที่บริษัทต้องเลือกคนที่จะให้อยู่ต่อ เธอกลับเป็นคนที่ถูกเขี่ยทิ้งทุกที เพราะดีกรีปริญญาโทนี่เอง ที่ออกจากงานไป ก็คงหางานใหม่ได้ไม่ยาก 

แต่โลกของความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เธอต้องเดินเตะฝุ่นไปเรื่อย จนกระทั่งพ่อของเธอได้แนะนำงาน "แม่บ้าน" ให้ โดยให้ไปทำที่บ้านของ มิรามาสะ ซึสากิ หนุ่มโปรแกรมเมอร์ ที่เพอร์เฟ็คชันนิสต์สุดๆ และเป็นโสด! จากการทำความสะอาดครั้งแรก ก็ทำให้เขาจ้างเธอต่อทันที ส่วนมิคุริก็ชื่นชอบที่นี้ เพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการยอมรับ แต่ต่อมา ครอบครัวของมิคุริต้องการย้ายบ้านไปอยู่ต่างจังหวัด ด้วยความที่เธอไม่อยากไป และไม่อยากหางานใหม่ เลยคิดแผนวุ่นๆ ขึ้น นั่นก็คือ "แต่งงานแบบสัญญาจ้าง" การแต่งงานปลอมๆ และความรักอันอลเวงก็ได้เริ่มต้นขึ้นค่ะ

จุดเด่น : เรื่องราวความรักแนวคอมเมดี้ผสมความอบอุ่นใจ สไตล์พระ-นางมาอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังเดียวกัน และความลุ้นไปกับความรักปลอมๆ ที่จะเป็นจริงหรือจะเป็นได้แค่เพื่อน ถ้าอยากดูแนวคลายเครียด ขอแนะนำเรื่องนี้อีกเรื่องค่ะ

จุดด้อย : พระเอกไม่หล่อในแรกเห็น แต่ดูไปเรื่อยๆ จะตกหลุมรักเขาแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ และเป็นพระเอกที่เหมาะกับคาแร็กเตอร์ในเรื่องด้วย ที่เป็นชายหนุ่มธรรมดา ไม่ได้ฮอตในกลุ่มสาวๆ สร้างความสมจริงในเรื่องราวความรักในแบบโลกจริงมากขึ้นค่ะ 

และนี่ก็คือ 10 อันดับละครญี่ปุ่นแห่งปี 2016 ที่ Sakura Dramas ขอนำเสนอค่ะ ดูกันไปแล้วกี่เรื่องเอ่ยย ถ้ายังไม่ครบ ต้องรีบตามไปหาดูกันนะ :) 
ช่วงนี้เรียกได้ว่าเป็นยุคละครและภาพยนตร์ญี่ปุ่นฟื้นคืนสู่เมืองไทยของเราอีกครั้ง เห็นได้จากว่า มีละครหลายเรื่องที่ได้มาฉายทางช่องโทรทัศน์ไทย รวมถึง "ภาพยนตร์" ที่มีหลายเรื่องเลยทีเดียวที่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เพื่อให้พลาดในการรับชม เลยขอมาอัพเดทกันสักหน่อยว่า ในปีนี้จะมีภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องไหนอีกบ้าง ที่เตรียมเข้าฉายในไทย มาติดตามดูกันเล้ยยย!!

1. I am a Hero

นี่คือภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่กำลังฉายอยู่ในไทยเร็วๆ นี้เป็นเรื่องราวของการกอบกู้วิกฤตโลก ท่ามกลางที่ไวรัสตัวหนึ่งกำลังระบาด โดยมี Hideo โอตาคุผู้บ้าเกม อดีตนักวาดการ์ตูนตกอับมากอบกู้เหตุการณ์นี้ ด้วยความที่เขาเล่นเกมบ่อยๆ ทำให้หลงคิดไปว่า ตัวเองเป็น "ฮีโร่" และแล้ววันหนึ่งเขาก็ต้องมาเป็นฮีโร่จริงๆ เมื่อจู่ๆ ในเมืองก็เต็มไปด้วยซอมบี้! 



ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เต็มไปด้วยนักแสดงชื่อดังของญี่ปุ่นเช่นกัน อย่าง Yo Oizumi ที่มารับบทเป็นตัวเอกของเรื่อง ใครดูละครญี่ปุ่นบ่อยๆ คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี รวมถึงนักแสดงวัยรุ่นที่กำลังมาแรงอย่างสาว Kasumi Arimura และนักแสดงสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มากฝีมืออย่าง Masami Nagasawa มีคิวเข้าฉายในวันที่ 7 กรกฎาคม ปีนี้ค่ะ



2. Death Note : Light Up the New World




ต่อจากเรื่อง If cat disappear from the world เห็นที่จะเป็นเรื่อง Death Note : Light up the new world ซึ่งภาคนี้ไม่ใช่ภาครีเมคนะคะ แต่เป็นภาคที่มีเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้วค่ะ หลังจากที่ L และไลท์ได้จากโลกนี้ไปแล้ว 10 ปีต่อมา ก็มีสมุดมรณะ Death Note ร่วงลงมายังโลกมนุษย์อีกครั้ง 6 เล่ม พร้อมกับกุญแจสำคัญของเรื่องราวนี้ นั่นก็คือ "มิสะ" หนึ่งเดียวที่มีชีวิตรอดจากสงครามสมุดมรณะนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรื่องราวจะลงเอยอย่างไร ต้องติดตามชมในภาคนี้ค่ะ 




นอกจากเนื้อเรื่องที่ตื่นตาตื่นใจแล้ว นักแสดงนำของเรื่องก็ไม่ธรรมดาเลยค่ะ และที่สำคัญยังมีนักแสดงจากภาคก่อนๆ อย่าง เอริกะ โทดะ ที่รับบทเป็นมิสะ กลับมาแสดงในภาคนี้ด้วย! สำหรับเรื่องนี้ฉายที่ญี่ปุ่นใรช่วงเดือนตุลาคมค่ะ ส่วนในไทยน่าจะหลังจากเวลานั้นนิดหน่อย ถ้าได้ความคืบหน้าอย่างไร จะมาแจ้งถึงวัน เวลา ที่ชัดเจนอีกทีค่ะ



3. Tomorrow I will Date with Yesterday's You





ภาพยนตร์รักจากญี่ปุ่น คาดว่าน่าจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมชาวไทยอีกเรื่องค่ะ เป็นเรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ที่วันหนึ่งพบว่า ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกัน ช่วงเวลาของทั้งคู่เหมือนเป็นโลกขนาน ทั้งคู่จะได้พบกันในทุกๆ 5 ปี และทุกครั้งที่เจอกัน เวลาของฝ่ายชายจะก้าวเดินไปข้าง ส่วนเวลาของฝ่ายหญิงจะหดสั้นลง และลดอายุของเธอลงไปเรื่อยๆ... 

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากพล็อตเรื่องที่น่าติดตามแล้ว นักแสดงก็ยังน่าสนใจด้วยค่ะ โดยได้สาว Nana Komatsu ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากเรื่อง The World of Kanako  และพระเอกหนุ่ม Sota Fukushi สำหรับคนนี้ แฟนๆ ละครญี่ปุ่นคงคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เพราะเป็นพระเอกหนุ่มหน้าใหม่ที่มีผลงานละครสร้างความประทับใจมาแล้วหลายเรื่อง คราวนี้เราก็จะได้เห็นหนุ่ม Sota ในจอภาพยนตร์ที่ไทยกันแล้วนะ! คาดว่า เรื่องนี้น่าจะได้รับชมประมาณปลายปีค่ะ



4. After the Storm


มาที่ผลงานภาพยนตร์จากผู้กำกับสุดยอดคุณภาพอย่าง  hirokazu koreeda ที่เมื่อปีที่แล้วก็สร้างผลงานภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจอย่างเรื่อง Our Little Sister มาให้ได้ชมกัน ในปีนี้ก็มีอีกหนึ่งผลงานค่ะ นั่นก็คือเรื่อง AFTER THE STORM ซึ่งเป็นภาพยนตร์ของ hirokazu koreeda ลำดับที่ 12 ได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2016 ในสายประกวด Un Certain Regard กำหนดฉายเมืองไทย 11 สิงหาคม 2016 ซึ่งภาพยนตร์ที่ยังคงคอนเซ็ปต์เรื่องราวครอบครัวตามสไตล์ Hirikazu ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ  เรียวตะ นักเขียนดาวรุ่งที่ชีวิตพลิกผันสู่จุดที่ย่ำแย่ จนทำให้ต้องหย่าร้างกับภรรยา และตั้งแต่วันนั้นแม่ของเขาก็ไม่พูดคุยด้วยอีกเลย เขาเลยตั้งใจอยากจะกลับไปเขียนหนังสืออีกครั้ง  แต่ด้วยความรู้สึกที่ไร้ค่า เขาเลยหันไปเป็นนักสืบเอกชน และพิสูจน์ให้ภรรยาได้เห็นว่า เขาก็มีความสามารถมากพอที่จะหาเงินเลี้ยงดูลูกชายได้เช่นกัน และในขณะเดียวกัน เขาก็กลับไปสานสัมพันธ์กับแม่อีกครั้ง ภาพยนตร์ที่จะมาเล่าเรื่องราวชีวิตให้เราได้เห็นว่า...

"เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ แบบที่ไม่คิดฝันอยากเป็น
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนที่นึกถึงเราเสมอ"



อีกหนึ่งภาพยนตร์คุณภาพที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ ค่ะ

และนี่ก็คือภาพยนตร์อีก 3 เรื่องที่เตรียมจ่อคิวลงจอภาพยนตร์ในประเทศไทย ต่อจากนี้ก็ต้องจับตาดูดีๆ พร้อมเคลียร์คิวให้ว่าง เพื่อมาดูภาพยนตร์คุณภาพจากญี่ปุ่นให้สมกับที่เราตั้งตาคอยมานานค่ะ ถือได้ว่า เป็นสัญญาณที่ดี สำหรับวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นในไทย :)
สำหรับแฟนๆ นักแสดงญี่ปุ่น ที่อยากจะหาช่องทางอัพเดทเรื่องราว ชีวิตส่วนตัวของพวกเขาและเธออย่าง Exclusive วันนี้ เราก็มีอีกช่องทางมานำเสนอ ที่จะทำให้เพื่อนๆ ได้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือ Instagram ของเหล่าดาราญี่ปุ่นค่ะ ขอบอกว่า แอคเคาท์ที่นำมาเล่าสู่กันฟังนี้ เป็นตัวจริงเสียงจริงเล่นเลยค่ะ จะมีของใครบ้าง ตามมาดูกันเล้ยย

1. Nanao
ขอมาเริ่มที่นักแสดง และนางแบบสาวสวยสุดเซ็กซี่ นางร้ายขวัญใจแฟนๆ หลายคนจากเรื่อง First Class ค่ะ ล่าสุด นางได้มาเที่ยวที่เมืองไทยด้วย! และก็อัพภาพลง IG พร้อมความรู้สึกประทับใจแบบสุดๆ ที่ได้มาเมืองไทย จะรู้ไหมน้าว่า มีแฟนคลับจากเมืองไทยหลายคน ก็แอบติดตามเธออยู่นะ!


IG : NANAO1028


2. Atsuko Maeda
มาต่อกันที่อดีตนักร้องสาววง AKB48 ค่ะ ตอนนี้เธอได้เปลี่ยนแอคเคาท์ IG มาสักระยะนึงแล้ว เหตุผลก็คือ เธอดันลืมพาสเวิร์ดแอคเคาท์ IG อันเดิมค่ะ! ทำให้อัตจังตัดสินใจเปลี่ยน IG ใหม่ซะเลย แต่แม้จะเปิดมาได้ไม่นาน ก็มียอด Follower ตั้งเยอะแหนะ!

IG : atsuko_maeda_official


3. Miura Shohei
มาที่นักแสดงหนุ่มสุดฮอตในช่วงนี้กันบ้างค่ะ นั่นก็คือ Miura Shohei กับผลงานล่าสุดในละครเรื่อง Dama na watashi ni koishite kudasai หนุ่มโชเฮย์เองก็เข้ามาอัพ IG บ่อยเช่นกัน ใครอยากตามติดชีวิตของหนุ่มคนนี้ล่ะก็ แนะนำให้กด Follow IG ของเขาได้เลยค่ะ

IG : shohei.63


4. Toda Erika
นักแสดงสาวมากฝีมือ "เอริกะ โทดะ" เธอก็มี IG ส่วนตัวเช่นกันค่ะ แต่รู้สึกว่า จะอัพไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่แอบทีก็เรียกความน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ เท่าที่ติดตามเธอใน IG ก็จะเริ่มเห็นว่า เธอดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเดิมนิดนึงแล้วค่ะ สามารถติดตามวิวัฒนาการความแก้มป่องของนางว่าจะกลับคืนมาได้หรือไม่ที่ IG นี้เล้ยยย!

IG : toda_erika.official


5. Yu Yamada
มาที่หวานใจสุดสวยของหนุ่ม Oguri Shun กันค่ะ เธอเองก็มี IG ให้แฟนๆ ได้ตามติดเช่นกันนะคะ แม้จะแต่งงาน มีลูกแล้ว ขอบอกว่า หุ่นเธอยังคงเป๊ะ และสวยเช้งไม่มีเปลี่ยน สาวๆ อย่างเราคงต้องอายกันไปข้างนึงเลย บางทีเธอก็แอบถ่ายรูปตลกๆ เฮฮาๆ ติดตาม IG เธอแล้ว ชวนให้อารมณ์ดีไปตามๆ กันเลยค่ะ

IG : yu_yamada_


6. Sasaki Nozomi
นักแสดงคนนี้หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี เธอทั้งเป็นนักแสดงและนางแบบค่ะ และเคยรับบทเป็น "มีน่าจัง" นางแบบสาวในเรื่อง First Class ด้วย 

IG : sasaki.nozomi


7. Kasumi Arimura
ดาราสาวแก้มป่องที่ดังๆ สุดๆ ในช่วงเวลานี้ ทั้งน่ารักและเต็มไปด้วยความสามารถ เลยทำให้มีแฟนๆ จำนวนไม่น้อยที่เฝ้าติดตามเธอ ใกล้อยากตามติดชีวิตของสาวน้อยน่ารักคนนี้ล่ะก็ อย่ารอช้าค่ะ รีบกด Follow เล้ยยย

IG : kasumi_arimura



8. Fumino Kimura
นางเอกสาวมากฝีมือ ที่สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักจากเรื่อง Mother Game ใครอยากรู้จักสาวสวยหน้านิ่งคนนี้ล่ะก็ เข้าไปติดตามใน IG ได้เลยค่ะ ส่วนใหญ่เธอจะชอบโพสต์อาหารสุขภาพน่ากินอยู่บ่อยๆ มิน่าล่ะ เลยถึงได้มีผิวสวยใสแบบนี้ เพราะดูแลเรื่องอาหารการกินดีอย่างนี้นี่เอง

IG : fuminokimura_official


9. Mirei Kiritani
มาที่สาวสวยน่ารัก ตาหวานคนนี้กันดีกว่าค่ะ ในละครว่าน่ารักแล้ว พอได้เห็นภาพนิ่งใน IG ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ มาติดตามความน่ารักของเธอได้ที่นี่เลยค่ะ

IG : mirei_kiritani_


10. Masami Nagasawa
นักแสดงสาวที่มีผลงานทางด้านการแสดงมาแล้วมากมาย อย่างเช่นเรื่อง Dragon Zakura, Last Friends และล่าสุดกับผลงานภาพยนตร์เรื่อง Our Little Sister ที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย แม้ภาพลักษณ์ในละครจะดูเป็นสาวน่ารัก สดใส แต่ใน IG ของเธอกลับให้ภาพของหญิงสาวเท่ สุขุม ผสมความติสท์ ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่งค่ะ

IG : masami_nagasawa


11. Shota Matsuda
ขอปิดท้ายด้วย พระเอกหนุ่มขวัญใจของดิฉันค่ะ Shota Matsuda นักแสดงหนุ่มมากฝีมือ ที่ไม่ว่าจะเล่นเรื่องไหน ก็ตีบทแตกไปซะทุกเรื่อง สร้างชื่อเสียงให้คนไทยรู้จักจากเรื่อง Liar Game และคนทั่วไปในเรื่อง Hana Yori Dango หรือ F4 นั่นเอง จากที่ติดตาม IG ก็ดูเหมือนว่า นอกจากจะแสดงละครเก่งแล้ว ยังเล่นสกีเก่งด้วยล่ะ! สาวๆ อย่ารอช้า มาติดตาม ใกล้ชีวิตพระเอกฝีมือดีคนนี้ ได้ที่ IG นี้เลยค่ะ

IG : shota_matsuda


นี่คือก็ Instagram ของเหล่านักแสดงชื่อดังของญี่ปุ่นค่ะ เป็นแฟนคลับใครล่ะก็ รีบตามไป Follow กันได้เลย ส่วนใครมี IG ของนักแสดงคนอื่นๆ อีกนอกจากนี้ ก็มาแชร์ เล่าสู่กันฟังได้นะคะ :)