Watashi wo hanasanaide : เพราะอดีตมันหอมหวานกว่าปัจจุบัน

Leave a Comment
Watashi wo Hanasanaide หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Never let me go ผลงานการประพันธ์ของ Kazuo Ishiguro
หลายคนอาจเคยดูเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ฝรั่งทำกันไปแล้ว แต่สำหรับเวอร์ชั่นนี้ญี่ปุ่นขอหยิบมาทำเป็นละครค่ะ
ซึ่งได้ โมริชิตะ โยชิโกะ มาเป็นผู้เขียนบทละคร (คนเดียวกันกับคนเขียนบทเรื่อง JIN)



เนื้อเรื่องคร่าวๆ ของเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องราวรักสามเส้าของหนุ่มสาว 3 คน คือ เคียวโกะ (รับบทโดย อายาเสะ ฮารุกะ), มิวะ (รับบทโดย มิซุคาว่า อาซามิ) และโทโมฮิโกะ (รับบทโดยมิอุระ ฮารุมะ) เติบโตขึ้นมาในโรงเรียนโยโกะ โรงเรียนประจำที่ตั้งอยู่บนหุบเขาอันไกลโพ้น ตัดขาดจากโลกภายนอก เด็กทุกคนในโรงเรียนต่างไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องตัวเองเท่าไหร่นัก เช่น ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ ตัวตนจริงๆ ของตัวเองเป็นใคร และอนาคตจะเป็นอย่างไร จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ถึงจะได้รู้ว่า พวกเขาเป็นคนพิเศษที่เกิดมาพร้อมภาระกิจสำคัญที่ต้องทำให้สำเร็จ ละครแนว Sci-fi ผสมความโรแมนติก พร้อมกลิ่นไอความลึกลับ เรื่องราวที่ดูแล้วตราตรึงใจ ไม่อาจลืมเลือน


เรื่องนี้เปิดฉากมาด้วย "โทโมฮิโกะ" ที่กำลังถูกผ่าตัดอยู่ และค่อยๆ ถูกหมอควักอวัยวะภายในออกมา พร้อมกับสายตาของ "เคียวโกะ" ที่จ้องมองมาที่เขาอย่างเย็นชา เรื่องก็เล่าไปเรื่อยๆ จากการเล่าของเคียวโกะ แล้วเรื่องก็ตัดฉากมาที่เด็กกลุ่มหนึ่งที่ถูกเลี้ยงไว้ในโรงเรียนอันไกลโพ้น ตัดขาดจากโลก เด็กทุกคนดูยิ้มแย้ม สนุกสนาน แต่ท่ามกลางรอยยิ้มของพวกเขา ก็แฝงไปด้วยความแปลกประหลาดของโรงเรียนแห่งนี้ นั่นก็คือ


- ไม่สอนวิชาสังคม
- เน้นสอนศิลปะ
- ศิลปะคือทุกสิ่งของพวกเขา
- ใครวาดรูปไม่เก่งถือว่าโง่
- ไม่เน้นเรื่องกีฬา
- ต้องตรวจร่างกาย ตรวจเลือดทุกๆ อาทิตย์
- ไม่รับรู้ความเป็นไปของโลกว่าเป็นยังไง
- เวลาครูพูดอะไรก็จะเชื่อตามนั้นอย่างง่ายๆ

ต่อมามีครูคนใหม่เข้ามาสอนที่โรงเรียนแห่งนี้ นางเองก็สงสัยเหมือนคนดูเนี่ยแหละค่ะว่า ทำไมโรงเรียนนี้มันดูไม่ชอบมาพากลนะ และก็รู้สึกเหมือนกันว่า นี่มันไม่ใช่สถานที่สำหรับการสั่งสอนความรู้ แต่"นี่มันโรงเรียนล้างสมองชัดๆ" และเรื่องก็เล่าไปเรื่อยๆ อย่างลึกลับ จนในที่สุด ครูใหญ่ได้ออกมาบอกความจริงว่า...


"พวกเธอต่างจากมนุษย์ธรรมดาทั่วไป
และต้องทำภาระกิจหนึ่งให้สำเร็จ
นั่นก็คือ พวกเธอเป็นนักบริจาคอวัยวะ
พวกเธอเกิดมาเพื่อช่วยเหลือและเป็นความหวังให้คนอื่น
พวกเธอเป็นคนพิเศษ หรือเทวดาเลยล่ะ"


พอฟังจบ เด็กๆ ก็ปรบมือใหญ่ รู้สึกว่า ว้าววว ตัวเองเป็นคนสำคัญ แต่หารู้ไม่ว่า อนาคตของพวกเขาถูกกำหนดไว้กับความตาย แน่นอนว่าคนเราก็จะต้องตายอยู่แล้ว แต่เด็กพวกนี้คือ พอเรียนจบจากที่แห่งนี้ ก็ต้องเตรียมตัวพบกับความตายได้เลย จะไม่ได้ใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ ไม่ต้องมีความฝันว่า โตเป็นฉันอยากเป็นนู้น เป็นนี่ แต่พวกเขาได้ถูกกำหนดชะตาชีวิตมาแล้วว่า ต้องเสียสละเพื่อผู้อื่น และรอคอยความตาย...

ความน่าสนใจของเรื่องนี้

1. บรรยากาศชวนลึกลับ น่าค้นหา แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่น

พอเปิดดูปุ๊ป จะสัมผัสได้ถึงบรรยายอันวังเวงของเรื่องเลยค่ะ เหมือนเต็มไปด้วยความลับที่ถูกซุกซ่อนไว้ คือเรื่องจะไม่บอกโต้งๆ ค่ะ ช่วงเริ่มเรื่อง ละครดำเนินไปด้วยความเงียบ และภาพค่อยๆ ให้เราคิด ปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง ยิ่งดูก็ยิ่งอยากรู้ว่า มีอะไรบ้างที่ถูกซ่อนไว้ และเรื่องจะค่อยๆ เผยคำตอบบางอย่างจากการกระทำ หรือคำพูดอ้อมๆ เช่น ตอนที่ครูคนใหม่ถามว่า

"ครูใหญ่ต้องมาเปลี่ยนรองเท้าให้เด็กด้วยเหรอคะ 
เหมือนแม่เลยค่ะ"



ครูใหญก็ตอบว่า



"เพราะพวกเขาไม่มีแม่น่ะสิคะ"


อาจหมายความว่า พวกเขาเป็นเด็กกำพร้า แต่อีกแง่หนึ่งก็อาจคิดไปได้ว่า พวกเขาอาจเป็นมนุษย์โคลนที่ถูกสร้างขึ้นมา
หรือฉากที่เด็กๆ ต้องตรวจสุขภาพ กล้องก็จะโฟกัสที่หลอดเลือดของเด็กๆ เป็นพิเศษ มันทำให้คนดูเริ่มสงสัยว่า เลือดพวกนี้มันต้องถูกเอาไปใช้ทำอะไรสักอย่างแน่ๆ

แม้จะเต็มไปด้วยบรรยากาศของความลึกลับ แต่ในขณะเดียวกัน สีของภาพในเรื่องก็ให้ความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน  โดยเฉพาะฉากที่เล่าย้อนไปในอดีตค่ะ

2. การเล่าสลับอดีตกับปัจจุบัน

ถ้าดูเรื่องนี้ เราจะเห็นว่า ละครจะเล่าสลับอดีตกับปัจจุบันไปตลอดเรื่องค่ะ แล้วก็จะสลับบ่อยมาก หลายคนอาจรู้สึกว่า "งง" แต่จริงๆ แล้ว การเล่าสลับกันเช่นนี้ แฝงไปด้วยความหมายของเนื้อเรื่องค่ะ


3. เรื่องราวความรัก

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของรักสามเส้าค่ะ แถมเป็นสามเส้าที่ชวนปวดหัวใจจริงๆ ก็เพื่อนสุดที่รักดันไปแย่งผู้ชายที่ฉันชอบไป 


"ผู้ชายที่เป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน 
กับผู้หญิงที่ขโมยทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของฉันไป"



แต่เราเพิ่งดูไปแค่ตอนแรกค่ะ ในตอนแรกยังไม่เล่าถึงความรักระหว่างคน 3 คน แต่จะเล่าถึงมิตรภาพในวัยเด็ก ที่เคียวโกะกับโทโมฮิโกะสนิทกันมาก เรื่องมันเริ่มจากว่าโทโมฮิโกะมักจะถูกเพื่อนแกล้ง เพราะเป็นคนเดียวในห้องที่วาดรูปไม่เก่ง มีเพียงเคียวโกะเท่านั้นที่รู้สึกอยากเป็นมิตรและอยากช่วยเหลือเขา แม้เคียวโกะจะหวังดี แต่ในตอนแรกๆ โทโมฮิโกะก็มักทำไม่ดีด้วย จนเคียวโกะเองก็แอบเคืองแอบโกรธเหมือนกันค่ะ แบบนี้...


เฮือก!!!


แต่ด้วยความดีของเคียวโกะ ทำให้โทโมฮิโกะรับรู้ถึงมิตรภาพในที่สุดค่ะ



ส่วน "มิวะ" เพื่อนของเคียวโกะ ก็เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ ตัวติดกันตลอด คอยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน เห็นแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่า เธอคนนี้นี่เหรอที่จะหักหลังเพื่อนที่แสนดีของตัวเอง!


4. Sci-fi ที่ไม่ Sci-fi

อย่าเพิ่ง "งง" ไปค่ะ เรื่องนี้ทำออกมาแนวนี้จริงๆ (ก็คล้ายๆ กับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ทำไว้) มันก็มีฉากผ่าตัด ฉากในโรงพยาบาลบ้าง แต่ว่ามันคนละฟีลกับละคร Sci-fi ทั่วไป อย่างเช่นเรื่อง Ando Lloyd ค่ะ เรื่องนี้จะเน้นเรื่องการใช้ชีวิต คุณค่าของมนุษย์ และเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์มากกว่า


5. เรื่องชีวิต

พอดูเรื่องนี้แล้ว ทำให้เห็นอีกมุมหนึ่งของชีวิต แม้ว่าเราอาจเจอเรื่องที่ทุกข์ยาก แต่เราก็ยังมีชีวิตต่อไป เรายังมีอนาคตให้ฝันถึง แต่สำหรับพวกเขาแล้วมีเพียง "อดีตอันหอมหวาน" ให้คิดคำนึงถึงเท่านั้น...

สิ่งที่ประทับใจเราในตอนแรก
อย่างที่บอกค่ะว่า พอดูๆ ไป มันเต็มไปด้วยคำถาม ว่าจะเกิดอะไรต่อไป มีความลับอะไรที่ยังไม่รู้อีก รวมถึงพล็อตอันประหลาดที่เล่าถึงว่า สร้างคนขึ้นมาเพื่อบริจาคอวัยวะ พอดูแล้วอยากจะเข้าใจความคิดของตัวละครค่ะว่า "ทำไปเพื่ออะไร" แล้วคนที่ต้องมาบริจาคจะใช้ชีวิตกันแบบไหน แล้วถ้าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าต้องตายในเวลาอันไม่ช้านี้ แต่ดันไปรักใครคนหนึ่ง เขาจะจัดการกับความรักนี้ยังไง ทั้งๆ ที่รู้ว่า สักวันเราก็ต้องจากกันอยู่ดี 

Watashi wo Hanasanaide ละครญี่ปุ่นอีกเรื่องที่น่าติดตามค่ะ แม้จะเต็มไปด้วยความหดหู่ไปบ้าง แต่เสน่ห์ของมันก็คือความหดหู่นี่แหละค่ะ ถ้ามัน Happy เราก็จะสบายใจ แต่ด้วยความที่มันไม่ Happy โลกไม่สวย ตัวละครเต็มไปด้วยการกระทำอันแปลกประหลาด มันเลยชวนให้เราอยาก "คิดต่อ" ถึงประเด็นๆ ต่างๆ ในละครเรื่องนี้ 


Tip

- ที่โรงเรียนในเรื่องเน้นสอนศิลปะ เพื่อที่เด็กจะได้มีจิตใจอ่อนโยน เวลาถูกสั่งไปบริจาคอวัยวะ จะได้ไม่ต่อต้านด้วยความรุนแรง และจะได้มีจิตใจเมตตากรุณา พร้อมที่จะเสียสละต่อผู้อื่น และที่ไม่เน้นเรื่องกีฬา เพราะร่างกายจะได้ไม่บึกบัน หรือมีพละกำลังไว้ใช้ทำร้ายร่างกายคนอื่น ตับ ไต ไส้ พุง จะได้ไม่กระเทือน พร้อมบริจาคเสมอ...

- มีฉากหนึ่งที่ครูใหญ่ตำหนิเรื่องการสูบบุหรี่ และเน้นย้ำว่า "ห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาด" ไม่ใช่ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมค่ะ แต่เป็นเพราะว่า ถ้าเด็กในโรงเรียนสูบจะส่งผลไม่ดีกับอวัยวะภายในนั่นเอง

- การบริจาคอวัยวะ ทำได้เต็มที่ก็ 3-4 ครั้ง ก็เสียชีวิตแล้วค่ะ บางรายอาจแค่ครั้งเดียวก็ไปแล้ว บางรายอาจยังไหว แต่ถ้าร่างกายมันหมดสภาพแล้ว ก็จะถูกนำไปเผาเลยค่ะ ออกแนวไร้ประโยชน์แล้ว หมดหน้าที่แล้วล่ะ 

- เคียวโกะ เธอทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลค่ะ ส่วนโทโมฮิโกะกับมิวะเป็นผู้บริจาค แต่ผลสุดท้ายแล้ว ผู้ดูแลก็ต้องเปลี่ยนสภาพมาเป็นผู้บริจาคอยู่ดี

- เหตุผลที่ต้องเล่าเรื่องอดีตสลับกับปัจจุบันบ่อยๆ น่าจะเป็นเพราะว่า เรื่องอยากจะสื่อให้เห็นว่า เรื่องราวในอดีตมันหอมหวานมากกว่าในปัจจุบัน อนาคตที่ไม่น่าเดินไปถึง ในชีวิตของพวกเขาเรื่องอดีต และความทรงจำ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น